วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557



ชื่อเจ้าด่วนเป๋นั้นเมื่อตอนหนุ่มออกชนไฟท์เเรกเพียงอายุ8เดือนเศษๆ เอาชนะไก่ลูกเเซมในยกที่2 เเบบม้วนเดียวจบ(เลือดท่วมจอ) ทำให้ได้รับบาดเจ็บจนขาข้างขวาลีบไปข้างนึง เมื่อบาดเเผลหายดีจึงนำไปปล่อยที่ทุ่งนา เนื่องด้วยเป็นไก่ที่มีสายเลือดไก่ชนเจ้าด่วนเป๋ไม่ย้อท้อต่อชะตาชีวิต ขาที่เป๋ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตเเต่อย่างใด ทำให้ขาที่ลีบนั้นกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม เมื่อหายดีเเล้วจึงนำเข้ามาทำเนื้อทำตัวเเละฟิตซ้อมใหม่ เพราะเป็นไก่ที่มีประวัติขาลีบจึงเป็นที่หมายปองของบรรดาซุ้มข้างเคียง ไก่เรายังไม่พร้อมออกชนแต่เมื่อเค้ามาท้าเราถึงถิ่น ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมเเล้วเอาใจวัดกันไปเลย(ห้ามลอกเลียนเเบบ) ปล่อยหางเราเป็นรอง3/2-2/1 เเต่ยังไม่รอง (ดูๆเเล้วสู้เค้ายาก) เเต่ฝั่งตรงข้ามเล่นยั่วยุทางเรา เเหม๋มันช่างกล้านักมาถึงถิ่นเราเเล้ว555+ จึงตัดสินใจปล่อยยาวเลยจนวงเงินเล่น+เดิมพัน+จับนอก ไปกว่าหมื่น ซึ่งไก่ปล้ำและสภาพไก่ไม่น่าจะเล่นถึงขนาดนั้น หลังจากเป็นรองในยกเเรกเข้ายกสองเราตีเตื้นขึ้นมาเเบบไม่มีคนต่อ ราคากลับมาเสมอเเละเป็นต่อเเบบไม่มีคนรองเพราะเจ้าด่วนเป๋เล่นเตะเอาเเต่เเผลหูเเละกะบาลเเตก บ่อเลือดเเตกทลักออกมาเเบบซ้อมผู้ต้องหาของตร.สมัยก่อนๆ อิอิ เเละเก็บชัยชนะไปในยกที่ 4 เเบบคู่ต่อสู้หัวเละไม่มีชิ้นดี(ลงหม้อไปตามระเบียบ ฮ่า) หลังจากนั้นเจ้าด่วนเป๋ก็หลุดถ่ายใหญ่ไปเลยครับ ก่อนที่จะกลับมาเริ่มการต่อสู้อีกครั้ง เป็นการเริ่มจากไฟท์เล็กๆที่ชมรมก่อนครับ


 
 
ไก่พันธุ์ไทย

 
 
 




ไก่ไทยเป็นไก่ที่มีลีลาฝีตีนแพรวพราว มีทั้งลูกล่อลูกชนยากจะหาไก่ชาติใดๆเสมอเหมือน คือ ทั้ง กอดขี่ บดบี้ขยี้ ล็อก เท้าหุ่น ตีตัว

มุดมัดและมุดลอดทะลุขา เมื่อเปรียบกับไก่ชาติอื่นๆแล้วถือว่าไก่ชนไทยมีภาษีดีกว่าไก่ชนชาติอื่นๆ แล้วทำไมไก่ชนไทย

จึงตีต่อสู้ไก่ต่างชาติไม่ได้ หรือเป็นเพียงคำพูดที่กล่าวกันเล่นๆ หรือต้องการโปรโมทไก่ชนต่างชาติ แต่ข้อเท็จจริงแล้วมีดังนี้





1. ไก่ชนไทยกับไก่พม่าลูก 100% ไม่มีโอกาสตีกันได้ หรือตีได้ก็น้อยคู่มาก เพราะขนาดของไก่ไทยกับไก่พม่าเป็นไก่คนละขนาด คือ

ไก่พม่าแท้ๆจะมีขนาดเล็กและมีน้ำหนักไม่เกิน 2.5 กก. ตัวที่โต 3.00 กก.ขึ้นมีน้อย ส่วนไก่ไทยตัวที่มีขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 กก.

ก็มีน้อยแทบนับตัวได้ ยกเว้นไก่ป่าก๋อยที่มีขนาดเล็ก ไก่พม่าที่นำมาตีกับไก่ไทยในทุกวันนี้ ส่วนมากเป็นลูกผสมหรือลูกผ่านที่

นำไก่พม่ามาผสม กับไก่ไทยเป็นไก่ที่มีเลือดพม่า 50% บ้าง 25% บ้างซึ่งจะมีขนาดโตประมาณ 3.00-3.20 กก. สำหรับไก่ลูกผสม

พม่าที่มาตีกับไก่ไทย 100% นั้น ก็มีแพ้ มีชนะ ไม่ได้ชนะไก่ไทยทุกตัว ดังนั้นจะสรุปว่าไก่ไทยสู้ไก่พม่าไม่ได้นั้นจึงไม่เป็นความจริง

เหตุที่เขานิยมไก่ลูกผสมพม่า ก็เพราะตัวไก่ลูกผสมตัวใดมีลีลาชั้นเชิงแบบไก่พม่า ก็เป็นไก่ที่สามารถปราบไก่เชิงกอดขี่ได้

ซึ่งไก่เชิงกอดขี่นี้เป็นไก่ที่นิยมเลี้ยงกันมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงนำไก่ลูกผสมพม่ามาเล่นเพื่อแก้ทางไก่เชิง ความจริงไก่พม่าก็แพ้

ทางไก่ประเภทเดินอัด เดินบี้จี้ไม่ห่าง จิกหลังจิกไหล่ตี ตีหน้าคอ หน้าอุด ตีตัว ตีหลัง ไก่พม่าทนไม่ได้เพราะกระดูกบาง

ถอดใจหนีง่ายๆ อีกอย่างหนึ่งไก่พม่ามักจะแพ้ทางไก่ประเภท ลูกหน้าไวและไก่แข้งเปล่า หรือดีดลูกหน้าไว เข้าทำนองหมองู

ตายเพราะงู ดังนั้นถ้าเราหาไก่ไทยที่มีชั้นเชิงดังกล่าว ก็สามารถสู้ไก่พม่าได้ ไม่ว่าจะเป็นลูก 100% หรือลูกผสม

2. ไก่ชนไทยกับไก่ไซง่อนลูก 100% ไก่ไทยกับไก่ไซง่อนมีโอกาสตีกันได้มากกว่าไก่ไทยกับไก่พม่าลูก 100% เพราะมีขนาดใกล้

เคียงกัน ข้อเท็จจริงไก่ไซง่อนมีจุดเด่นมากกว่าไก่ไทยทั่วไป คือ กระดูกโครงสร้างใหญ่ ผิวหนังหนากว่าไก่ไทย ปอดใหญ่กว่า ตี

หนัก ลำโต แต่ไก่ไซง่อนมีจุดอ่อนที่อืดอาด ช้าไม่คล่องตัว ลีลาชั้นเชิงมีน้อย ไก่ไซง่อนลูก 100% ไม่น่ากลัว ไก่ไทยสามารถสู้ได้

คือ เราต้องหา ไก่ตีแผล ตีวงแดง ตีบ้องหู และต้องเป็นไก่ปากไว ไก่ไซง่อนที่เขากลัวกันทุกวันนี้ไม่ใช่ไซง่อนลูก 100%

แต่เขากลัวลูกไซง่อนผสม ที่ผสมไทย ผสมพม่า เพราะไก่ไซง่อนลูกผสมบางตัวมักเป็นไก่ปากไวตีแม่นและตีลำโตแถมมีโครงสร้าง

และผิวพรรณแบบไก่ไซง่อนด้วย

3. เวลาชนของแต่ละยก เรื่องเวลาของแต่ละยกในการชนไก่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไก่ไทยสู้ไก่เทศไม่ได้ เพราะเวลาของการชน

แต่ละยกเพิ่มขึ้นจาก 20 นาที เป็น 23-25 นาที เพื่อให้ไก่แพ้ชนะกันไวขึ้น ซึ่งไก่ไทยสู้ไก่ต่างชาติไม่ได้ตรงนี้เอง เพราะไก่ไทยโดย

สภาพร่างกายมีปอดเล็กกว่าไก่ไซง่อน ดังนั้นเมื่อยืดเวลาในการตีออกไป ไก่ไทยจะหอบ และถูกตีในช่วงเวลาตั้งแต่นาทีที่ 20 เป็นต้นไป

อีกสาเหตุหนึ่งไก่ไทยเป็นไก่เชิงขยันตี จึงต้องออกแรงมาก ทำให้เหนื่อยมากเหนื่อยไว โดยสรุปภาพรวมแล้วไก่ไทยสามารถสู้กับไก่

ต่างประเทศ ทุกสายพันธุ์ได้ ไก่ไทยสู้ได้ขอเพียงแต่

1. นักเพาะไก่ทั้งหลาย ให้เพาะไก่ที่มีลีลาชั้นเชิงในการตีไว ตีแม่น ตีเจ็บให้มากกว่าไก่เชิง อย่าเอาไก่เชิงมากไปผสมกับไก่เชิงมากเช่นกัน

ลูกไก่ที่ได้จะเป็นไก่เชิงล้นไม่ค่อยตี พอไปตีก็มัวแต่เล่นเชิง พอถูกตีตัวและเหนื่อยเข้าก็หมดเชิงแต่ถ้าเพาะได้ ไก่เชิงดี ถี่ แม่น ลำโต

ก็สามารถพูดได้ว่าไก่ไทยเก่งที่สุดในโลก

2. ไก่ไทยเป็นไก่หนังบาง ส่วนไก่ไซง่อนเป็นไก่หนังหนาหากตีกันโดยมีการพันเดือยหรือสวมนวม ก็ไปเข้าทางของไก่ไซง่อนหากจะตีกับ

ไก่ ไซง่อนต้องตีแบบปล่อยเดือยตามธรรมชาติ ไก่ไซง่อนเจอเดือยเข้าก็สู้ไม่ได้ เพราะไก่ไทยไวกว่า แต่ถ้าตีกับไก่พม่าก็ห้ามปล่อยเดือย

เพราะไก่พม่าเป็นไก่แม่นเดือย

3. กำหนดเวลาชน เวลาชนของแต่ละยกต้องอยู่ในเวลา 20 นาทีอย่าให้เกินกว่านี้










สีไก่พม่ายอดนิยม



มาถึงวันนี้ไก่ชนพม่าครองตลาดมากขึ้น ก็พบว่าคนที่เล่นไก่พม่าเริ่มจะเลือกสีแล้วครับ คือสีที่อยากเลี้ยงอยากได้เป็นอันดับ 1 คือสีกรดดู่ครับ เพราะหลายท่านว่ามันสวยที่สุด

พม่าสีกรดดู่ถ้าเป็นลูกร้อยจริง หรือเลือดเข้มจริง ๆ จะมีลักษณะสำคัญคือ แข้งสีเขียวอมดำครับ แข้งสีอื่น ๆ เป็นพันธุ์ทางหรือลูกผสมครับ นอกจากสังเกตสีแข้งแล้วเรายังสังเกตสีตาได้ด้วยครับ เหล่ามาตรฐานของกรดดู่สีตาออก 3 แบบคือ ตาขาวแบบตาปลาหมดตาย หรือตาสีดำหรือตาลาย ส่วนตาสีอื่นเป็นพันธุ์ทางครับ เช่นพวกตาสีแดง ตาสีเหลืองอมแดง ตาสีขาวอมเหลือง เป็นต้น

สีที่ใกล้เคียงพม่าสีกรดดู่คือ สีกรดแดง ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับกรดดู่มาก แต่สีกรดแดงจะเป็นการผ่ามาจากเหล่าอื่นบ้างแล้วในชั้นปู่ย่าหรือ ทวด

สีอีกกลุ่มที่ที่ใกล้เคียงกรดดู่คือสีกรดเหลือง หรือกรดเหลืองส้ม พวกนี้เป็นตระกูลที่รองลงไปอีกมีความเด่นน้อยกว่ากลุ่มกรดดู่และกรดแดง คืออาจจะผ่านการผ่ามาหลายชั้นโดยการผสมแบบธรรมชาติ พวกสีกรดเหลืองแข้งจะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นแข้งสีเหลืองบ้าง สีขาวบ้าง สีดำบ้างซึ่งไม่แน่นอน ส่วนสีตาก็จะเน้นเป็นสีตาเหลืองตาขาวเป็นส่วนใหญ่

หากถามว่าในบรรดาสีกรดควรเลือกสีใดเป็นหลัก โดยเลือกจากสีไม่ดูฝีมือนะครับ คือไก่นี่มีเก่งทุกสีนะครับ ถ้าเราใช้สีเป็นหลักเราก็ควรเลือกกรด